สุขภาพกายและใจคือรากฐานของการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
Well-being หมายถึง การมีสุขภาวะ หรือความเป็นอยู่ที่ดีทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม ไม่ใช่แค่การไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ แต่เป็นสภาวะที่รู้สึกสมดุล มีความสุขและสามารถใช้ชีวิตได้เต็มศักยภาพ
การจัดสภาพแวดล้อมที่รองรับ Well-being สำหรับการทำงานที่บ้าน ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังลดความเครียด ส่งเสริมสุขภาพร่างกาย และสร้างสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว การนั่งทำงานวันละ 6–8 ชั่วโมง หากใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เกิดภาวะออฟฟิศซินโดรม และส่งผลต่อสมาธิและพลังงานในแต่ละวัน เพราะฉะนั้น จึงควรมีโซลูชันส์ที่สามารถป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้ เช่น
- โต๊ะทำงานปรับระดับ (Height Adjustable Desk) – ให้คุณปรับเปลี่ยนท่าทางในการทำงาน ไม่ว่าจะนั่งหรือยืนได้ตามต้องการ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดความตึงเครียดบริเวณหลังและคอ และลดอาการออฟฟิศซินโดรม
- เก้าอี้ทำงานรองรับสรีระ (Ergonomic Chair) – ออกแบบให้เข้ากับสรีระร่างกาย มีพนักพิงรองรับหลังและเอว ปรับระดับสูง-ต่ำได้อย่างยืดหยุ่น กระจายน้ำหนักอย่างเหมาะสม ทำให้สามารถนั่งได้นานโดยไม่เกิดอาการเมื่อยล้า
- แขนยึดหน้าจอ (Monitor Arm) – ปรับระดับและมุมหน้าจอให้ตรงกับสายตา ลดการก้มเงยของคอ เพิ่มพื้นที่โต๊ะให้กว้างขึ้น รองรับทั้งการประชุมออนไลน์และงานที่ต้องโฟกัส
จากงานวิจัยพบว่า การใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Ergonomic เช่น โต๊ะปรับระดับ และเก้าอี้ที่รองรับสรีระ สามารถลดอาการปวดคอ ปวดหลังและข้อมือได้ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของงานได้ถึง 40% และลดข้อผิดพลาดของงานได้ถึง 60%
วิธีจัดมุมทำงานให้เหมาะกับ Well-being
- เลือกมุมที่มีแสงธรรมชาติ ลดความเหนื่อยล้าของดวงตา
- เพิ่มพื้นที่ว่างรอบตัว ให้เคลื่อนไหวร่างกายได้สะดวก
- ตกแต่งมุมทำงานด้วยของสร้างแรงบันดาลใจ เช่น ต้นไม้ หรือภาพศิลปะ ช่วยให้สมาธิดีขึ้น